พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562
ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีนายวิษณุ เครืองาม และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี,
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวีรศักดิ์
โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกฤษฎา
บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นพ.ธีระเกียรติ
เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสมชาย หาญหิรัญ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนผู้บริหารส่วนราชการ
และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าอำเภอแม่แจ่ม
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรป่าไม้จำนวนมาก
โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ได้ประสบปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน
จากการเผาป่าเพื่อล่าสัตว์และทำเป็นพื้นที่ทำกิน
ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมานั้นไม่คุ้มค่ากับพื้นที่ป่าที่สูญเสียไป
ทั้งยังทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ จึงได้เกิดแม่แจ่มโมเดลขึ้น
โดยเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืนและครบวงจรด้วยกลไกประชารัฐ
และขณะนี้มีแนวทางที่จะขยายผลแม่แจ่มโมเดลไปยังพื้นที่อื่น ๆ
ให้ครอบคลุมทั้ง 25 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้
ขอฝากให้ประชาชนใช้ประโยชน์พื้นที่ทำกินให้คุ้มค่า
ภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมทั้งดูแล รักษาหวงแหน
และเพิ่มมูลค่าที่ทำกิน เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน อีกทั้ง
ขอให้ช่วยกันดูแลและป้องกันการแผ้วถางป่าและเผาป่า
ตลอดจนร่วมกันทำวิสาหกิจชุมชน ตลาดประชารัฐ และเกษตรชีวภาพ
เพื่อดำรงรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติและพัฒนาพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร
ที่กำลังเผชิญปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควันในลักษณะเดียวกัน
ซึ่งเป็นผลมาจากการจราจรที่หนาแน่น การก่อสร้าง การเผาต่าง ๆ
และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับการแก้ปัญหาในเบื้องต้น
รัฐบาลได้รณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากาก รวมทั้งฉีดน้ำขึ้นไปในอากาศ
และเตรียมทำฝนเทียม เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน
ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย
และต้องหาแนวทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุตามมาตรการอย่างเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้
รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศ
และดูแลพี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
โดยได้ดำเนินโครงการพร้อมทั้งเร่งแก้ปัญหาในหลายด้าน อาทิ
การยกระดับและพัฒนาคุณภาพการศึกษา การดูแลเด็กปฐมวัย
การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมของโอกาส การบริหารจัดการน้ำ
ลดความเสียหายจากภัยแล้ง การพักชำระหนี้เกษตรกร เป็นต้น
โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติให้ได้
ส่วนเงินกองทุนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐจัดสรรให้
ขอให้ประชาชนขอให้ใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนพัฒนาตนเอง คิดใหม่
คิดให้เป็น เพื่อเป็นประชาชนคนไทยที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดความมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ 12.5 ล้านไร่ มีประชากรประมาณ
1,700,000 คน แบ่งการปกครองเป็น 25 อำเภอ 204 ตำบล 2,066 หมู่บ้าน
มีผลิตภัณฑ์มวลรวมมูลค่า 220,000 ล้านบาทเศษ
โดยภาคบริการมีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 70
เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว อีกทั้ง
มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ลำไย กาแฟ และพืชผักเมืองหนาว
ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีเป้าหมายในการพัฒนาเพื่อเป็นนครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง
ด้วยการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
การส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและมีมูลค่าสูง การค้าการลงทุน
และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน
ซึ่งมีแนวทางหลักในการยกระดับศักยภาพและปรับปรุงฐานเศรษฐกิจเดิม
มุ่งสร้างฐานเศรษฐกิจไปในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ส่งเสริมให้เชียงใหม่เป็นเมืองสุขภาพ และใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม
ยังพบปัญหาที่สำคัญและความท้าทายหลายประการ
จากการรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม อาทิ
การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของประชาชน ที่อยู่ในชนบทพื้นที่ห่างไกล
และข้อจำกัดในพื้นที่ทำกิน สำหรับในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จังหวัดเชียงใหม่ได้บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ในการพัฒนาความเจริญไปพร้อมกัน ทั้งในเขตเมืองและพื้นที่ชนบท
ภายใต้นโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ของชาติ 20 ปี อันจะนำไปสู่ความมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมทั้งได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาเป็นแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
โอกาสนี้
นายกรัฐมนตรีได้เป็นสักขีพยานในการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มอบหนังสือแสดงสิทธิโครงการป่าชุมชนให้แก่ผู้แทนชุมชน
และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
มอบสมุดบัตรประจำตัวผู้ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชน
ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้กับประชาชน
พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการแม่แจ่มโมเดล
ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืนและครบวงจรด้วยกลไกประชารัฐ
และนิทรรศการจากหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง



















Written by
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
Photo Credit
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี
Rewriter
นวรัตน์ รามสูต
Editor